สองเทคโนโลยีที่คนมักพูดถึงในการยกกระชับใบหน้านั้นย่อมไม่พ้นเทอร์มาจ (Thermage) และอัลเทอร่า (Ulthera) เนื่องจากทั้งสองอย่างนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยและโดดเด่นในเรื่องการยกกระชับใบหน้า มีรีวิวที่ให้เห็นผลลัพธ์ก่อนหลังอย่างชัดเจน จึงมีคนสนใจเป็นจำนวนมากและมักตั้งคำถามเปรียบเทียบกันอยู่เสมอ

หนึ่งในคำถามนั้นก็คือ เทอร์มาจ (Thermage) กับ อัลเทอร่า (Ulthera) แตกต่างกันอย่างไร และสามารถยกกระชับได้ทั้งชั้นผิวหนังและไขมันใต้ผิวจริงหรือไม่…เราจะมาหาคำตอบไปพร้อมๆ กัน

 

เทอร์มาจ (Thermage) คืออะไร

เทอร์มาจ (Thermage) เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวด้วยคลื่นวิทยุ (Radiofrequency หรือ RF) โดยคลื่น RF ที่เทอร์มาจใช้จะเป็นแบบ Monopolar RF

การยกกระชับผิวด้วยเทอร์มาจ (Thermage) จะเป็นการส่งคลื่น RF นี้ลงไปใต้ผิว โดยคลื่น RF จะก่อให้เกิดก้อนพลังงานความร้อนซึ่งจะกระจายตัวเป็นวงกว้าง แล้วเข้าไปกระตุ้นให้โครงสร้างผิวในชั้นลึกมีการหดตัว และสร้างคอลลาเจนใต้ผิวขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวกระชับมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังช่วยสลายไขมันบางส่วนในบริเวณที่ทำหัตถการได้ด้วย จนเห็นผลลัพธ์ก่อนหลังทำเทอร์มาจ (Thermage) ได้ค่อนข้างชัดเจน จึงนิยมใช้ในบริเวณใบหน้า ลำคอ ต้นแขนต้นขา และหน้าท้อง

 

เทอร์มาจ (Thermage) ทำงานกับชั้นผิวอย่างไร

  1. ชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) ความร้อนจากคลื่นวิทยุ RF จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในชั้นผิว ทำให้ผิวในชั้นนี้กระชับมากยิ่งขึ้น จนเห็นความแตกต่างระหว่างก่อนและหลังทำเทอร์มาจ (Thermage)
  2. ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat) เนื่องจากความร้อนที่เกิดจากคลื่น RF จะลงไปได้ถึงชั้นไขมัน ทำให้มีผลต่อไขมันใต้ผิว ซึ่งจะช่วยสลายไขมันได้บางส่วน และทำให้ผิวบริเวณนั้นหดตัวจนยกกระชับขึ้น

 

อัลเทอร่า (Ulthera) คืออะไร

อัลเทอร่า (Ulthera) เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวด้วยคลื่นอัลตราซาวนด์แบบเฉพาะเจาะจง (Focused Ultrasound) ด้วยการส่งพลังงานความร้อนลงไปถึงชั้นผิวลึกที่เรียกว่าชั้น SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นผิวที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า

พลังงานที่ส่งลงไปนี้จะมีลักษณะเป็นจุดเรียงกันเป็นแถวติดๆ กัน แตกต่างจากมวลพลังงานความร้อนของเทอร์มาจ (Thermage) ซึ่งพลังงานที่ส่งลงไปนี้จะเข้าไปกระตุ้นให้ผิวชั้นลึกเกิดการหดตัว แล้วสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวยกกระชับมากขึ้นในหลักการใกล้เคียงกับการทำเทอร์มาจ (Thermage) ทำให้อัลเทอร่า (Ulthera) เป็นอีกเทคโนโลยียกกระชับที่ให้ผลลัพธ์ก่อนหลังทำได้ค่อนข้างชัดเจน

 

อัลเทอร่า (Ulthera) ทำงานกับชั้นผิวอย่างไร

  1. ชั้น SMAS พลังงานอัลตราซาวด์ของอัลเทอร่าสามารถลงลึกได้ถึงผิวชั้นนี้ ซึ่งเมื่อผิวชั้นนี้หดตัว ก็จะช่วยยกกระชับผิวส่วนบนๆ ไปด้วย ทำให้ใบหน้าก่อนและหลังทำอัลเทอร่า (Ulthera) ดูแตกต่างกัน มีการยกกระชับมากขึ้น
  2. ชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) นอกจากจะยกกระชับผิวชั้นลึกๆ แล้ว อัลเทอร่า (Ulthera) ยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนังแท้อีกด้วย ส่งผลให้ผิวดูเรียบเนียน ริ้วรอยต่างๆ จางลง
  3. ชั้นไขมันใต้ผิว (Subcutaneous Fat) แม้อัลเทอร่า (Ulthera) จะไม่ได้ออกแบบมาเพื่อสลายไขมันโดยตรง และสลายไขมันได้ไม่ดีเท่ากับเทอร์มาจ (Thermage) แต่พลังงานที่ส่งลงไปก็สามารถลดไขมันในบางบริเวณได้ในระดับหนึ่ง

 

เทอร์มาจ (Thermage) และอัลเทอร่า (Ulthera) สามารถกระชับผิวหนังและไขมันใต้ผิวได้จริงหรือไม่

คำตอบคือ สามารถกระชับผิวหนังและไขมันใต้ผิวได้จริง แต่มีข้อจำกัด ดังนี้

  • เทอร์มาจ (Thermage) สามารถยกกระชับผิวได้จากชั้นหนังแท้และลงลึกได้ถึงชั้นไขมัน อีกทั้งยังสามารถลดไขมันใต้ผิวหนังได้ในบางบริเวณ เช่น แก้มที่หย่อนคล้อย ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อสลายไขมันโดยตรงเหมือนเครื่องสลายไขมันหรือการดูดไขมัน
  • อัลเทอร่า (Ulthera) สามารถยกกระชับผิวได้จากชั้น SMAS ซึ่งอยู่ลึกกว่าชั้นไขมัน และมีผลต่อไขมันใต้ผิวเล็กน้อยเท่านั้น

 

ดังนั้นการจะเลือกใช้เครื่องยกกระชับตัวไหนเพื่อแก้ปัญหาใบหน้าของคุณจึงจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ประจำคลินิกเสริมความงามให้ดีเสียก่อน เพื่อจะได้เลือกใช้วิธีที่เหมาะสมสำหรับปัญหาของคุณ

 

หากต้องการเข้ารับคำปรึกษาเรื่องการยกกระชับหน้าด้วยอัลเทอร่า (Ulthera) หรือเทอร์มาจ (Thermage) โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สามารถติดต่อสอบถามทาง KeThat Clinic ได้ทางช่องทางต่อไปนี้

Facebook : https://www.facebook.com/kethatclinic

Website: https://kethat.com/price-promotion/

LINE: @kethat (มี @ นำหน้า)