สิว เป็นหนึ่งในปัญหาผิวหน้าที่ทำให้สูญเสียความมั่นใจ ซึ่งสิวนั้นมีหลากหลายประเภท และใช้การรักษาที่แตกต่างกัน ในบทความนี้ทีมงานKeThat Clinic จะพาไปทำความรู้จักกับประเภทของสิว และวิธีการรักษา

ประเภทของสิว

  1. สิวหัวดำ หรือสิวอุดตันหัวเปิด (Blackheads)

สิวหัวดำเป็นสิวที่พบได้ค่อนข้างบ่อย มีลักษณะเป็นตุ่มนูน มีหัวสิวสีดำซึ่งเกิดจากการอุดตันของน้ำมันทำปฏิกิริยา Oxidation กับออกซิเจนในอากาศ มักเกิดบริเวณหน้าผาก จมูก และคาง หรือที่เรียกว่า ทีโซน

  1. สิวหัวขาว หรือสิวอุดตันหัวปิด (Whiteheads)

สิวหัวขาวเป็นสิวอีกประเภทที่พบได้บ่อยไม่แพ้สิวหัวดำ มีลักษณะเป็นตุ่มนูนเป็นไตเล็กๆ มีรากสิวลึก สิวประเภทนี้มักกลายไปเป็นสิวอักเสบภายหลัง ส่วนใหญ่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เครื่องสำอาง หรือสกินแคร์ที่มีน้ำมันมากเกินไปจนอุดตัน

  1. สิวเสี้ยน หรือสิวอุดตัน (Comedones)

สิวเสี้ยนเป็นสิวขนาดเล็ก มีลักษณะเป็นเสี้ยน เกิดจากความผิดปกติของผิวหนังสะสมกับชั้นขี้ไคลและขนอ่อนในรูขุมขน มักเกิดในรูขุมขน เช่น บริเวณจมูก หน้าผาก คาง แผ่นหลัง ฯลฯ

  1. สิวตุ่มแดง (Papule)

สิวตุ่มแดงจะมีลักษณะเป็นตุ่มแดงๆ ขนาดเล็ก เป็นสิวอักเสบประเภทหนึ่งซึ่งพัฒนามาจากสิวอุดตัน แต่จะไม่เจ็บและมีขนาดไม่เท่าสิวอักเสบ เกิดจากเชื้อแบคทีเรียอุดตันจนเม็ดเลือดขาวขึ้นมาต่อสู้กับแบคทีเรียชนิดนี้

  1. สิวอักเสบ (Nodular Acne)

สิวอักเสบจะมีลักษณะเป็นไตแข็งๆ ใต้ตุ่มแดงขนาดใหญ่ เมื่อจับดูจะรู้สึกเจ็บ เกิดจากแบคทีเรียผสมกับน้ำมันในตุ่มสิวทำให้เกิดการอักเสบ อาจมีอาการอยู่หลายวันกว่าสิวจะยุบ อาจทำให้เกิดแผลเป็น เหลือรอยดำและหลุมสิวที่รักษายากได้

  1. สิวหัวช้าง (Cystic Acne)

เป็นสิวอักเสบที่รุนแรงจนปูดเป็นก้อนขนาดใหญ่ เมื่อสัมผัสจะเจ็บกว่าสิวชนิดอื่นๆ บางรายอาจรู้สึกปวดรอบๆ ตุ่มสิว เมื่อหัวสิวแตกจะมีหนองและเลือดออกเยอะ มักเป็นในวัยรุ่นมากกว่าวัยอื่นๆ สิวชนิดนี้รักษาได้ยาก อาจกลายเป็นแผลเป็น เป็นก้อนนูน หรือเหลือรอยหลุมสิว

  1. สิวผด (Acne Aestivale)

สิวผด หรือเรียกอีกอย่างว่า สิวเทียม มีลักษณะเป็นตุ่มเล็กๆ แข็งๆ เกิดจากต่อมเหงื่ออุดตัน โดยเฉพาะเมื่อตากแดด หรืออยู่ในที่ที่อากาศร้อนจนเหงื่อออก บางคนอาจมีตุ่มหนองอักเสบร่วมด้วย

วิธีการรักษา

การรักษาสิวนั้นมีหลายวิธีตามชนิดของสิว ซึ่งควรรักษาอย่างระมัดระวัง เนื่องจากหากกด แกะ บีบสิวเอง สิวเหล่านั้นอาจจะทิ้งรอยช้ำไว้บนผิว หรืออาจเกิดการติดเชื้อจนหายได้ยาก และเหลือร่องรอยแผลเป็น รอยแดงรอยดำ รวมทั้งหลุมสิวได้

  1. เลิกใช้เครื่องสำอางที่ทำให้เกิดสิว เนื่องจากสิวมักเกิดจากการอุดตันของรูขุมขนหรืออาการแพ้เครื่องสำอาง หากพบว่าเครื่องสำอางที่ใช้เป็นสาเหตุ ให้หยุดใช้ทันที
  2. กดสิว สามารถใช้ได้กับสิวอุดตัน แต่ไม่ควรกดด้วยตัวเอง เนื่องจากอุปกรณ์ต้องสะอาด และใช้การกดสิวอย่างถูกวิธี ไม่อย่างนั้นแทนที่สิวจะหายจะกลายเป็นทำให้สิวเห่อขึ้นมากกว่าเดิม
  3. ใช้แผ่นลอกสิวหรือมาส์กลอกสิว เหมาะสำหรับกำจัดสิวเสี้ยน โดยใช้ผลิตภัณฑ์แผ่นลอกสิวแปะลงบนผิวบริเวณที่ต้องการ ทิ้งไว้ประมาณ 5 – 10 นาที (ตามแต่ผลิตภัณฑ์นั้นแนะนำ) แล้วลอกออก สิวเสี้ยนจะติดมากับแผ่นลอกนั้น
  4. ใช้ยาแต้มสิว หรือแผ่นแปะสิว เหมาะสำหรับสิวอุดตันหรือสิวอักเสบ โดยเลือกใช้ตัวที่มีส่วนผสมของ Benzoyl Peroxide ซึ่งช่วยลดการอุดตันของสิว
  5. รักษาสิวด้วยเลเซอร์ การใช้ Pico Laser เพื่อรักษาสิวเป็นอีกวิธีที่จะช่วยกำจัดต้นตอของสิว นั่นคือเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว P. Acne การฉาย Pico Laser จะฆ่าเชื้อแบคทีเรียดังกล่าว อีกทั้งยังช่วยรักษารอยแดง รอยดำ และรอยหลุมสิวได้อีกด้วย

KeThat Clinic มีบริการเลเซอร์รักษาสิว ซึ่งเป็นอีกบริการรักษาสิว ฟื้นฟูผิวหน้า ด้วยเครื่องเลเซอร์คุณภาพดี ซึ่งดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงาม ทั้งรักษาต้นตอของสิว พร้อมทั้งช่วยลดเลือนจุดด่างดำ และรอยหลุมสิวที่เกิดจากสิวทิ้งรอยให้คุณกลับมาผิวใสได้อย่างมั่นใจ