สำหรับคนที่สนใจฉีดโบท็อกซ์ (Botox) เพราะต้องการลดกรามและยกกระชับหน้า แต่เพิ่งเคยเข้าคลินิกเสริมความงามเป็นครั้งแรกอาจสงสัยในหลายเรื่อง ซึ่งสิ่งต่อไปนี้เป็นข้อควรรู้ก่อนฉีดโบท็อกซ์ (Botox) ที่จะทำให้คุณเข้าใจว่าต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
รู้จักโบท็อกซ์ (Botox)
โบท็อกซ์ (Botox) คือสารโบทูลินัม ท็อกซิน เอ (Botulinum Toxin A) ซึ่งสกัดมาจากแบคทีเรียคลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) สารชนิดนี้จะเข้าไปจับกับปลายประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อจึงช่วยยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้ออยู่ในสภาพคลายตัว ซึ่งจะลดขนาดของกล้ามเนื้อและลดริ้วรอยที่เกิดจากการขยับของกล้ามเนื้อได้ และช่วยยกกระชับผิวหน้าได้ดียิ่งขึ้น
โบท็อกซ์ (Botox) ช่วยเรื่องอะไร
แต่เดิมโบท็อกซ์ (Botox) นั้นใช้ในการรักษาอาการต่างๆ เช่น ไมเกรน การเคลื่อนไหวผิดปกติ การนอนกัดฟัน ฯลฯ แต่ในเวลาต่อมาได้มีการนำมาใช้ในคลินิกเสริมความงามเพื่อช่วยแก้ปัญหาผิวหลายประการ และได้รับความนิยมมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน
โบท็อกซ์ (Botox) ช่วยแก้ปัญหาเรื่องความงามในคลินิกเสริมความงามได้ดังนี้
- ลดเลือนริ้วรอยต่างๆ ที่เกิดจากรอยพับบนใบหน้า เช่น รอยตีนกา รอยบนหน้าผาก รอยระหว่างคิ้ว
- ช่วยลดขนาดกราม เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหากล้ามเนื้อกรามใหญ่ ซึ่งจะทำให้หน้าเรียวขึ้น
- ช่วยยกกระชับใบหน้า หรือที่เรียกว่า ลิฟต์กรอบหน้า
- ช่วยลดขนาดกล้ามเนื้อบริเวณอื่นๆ เช่น น่อง แขน
- ช่วยลดเหงื่อ สำหรับคนที่มีเหงื่อออกมาก
- บางกรณีทางคลินิกเสริมความงามจะใช้โบท็อกซ์ (Botox) คู่กับหัตถการอื่น เช่น ฉีดโบท็อกซ์ (Botox) ปรับรูปหน้าร่วมกับฟิลเลอร์ ช่วยให้จมูกรัดแกนหลังจากเสริมจมูก ลดปีกจมูก เป็นต้น
ฉีดโบท็อกซ์ (Botox) กี่วันเห็นผล และอยู่ได้นานเท่าไร
หลังจากฉีดโบท็อกซ์ (Botox) ที่คลินิกเสริมความงามแล้ว โบท็อกซ์ (Botox) จะออกฤทธิ์ที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจนภายใน 7 – 14 วัน ซึ่งจะเห็นว่าหน้ายกกระชับมากขึ้น ริ้วรอยลดลง กรามลดลง และผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นานประมาณ 4 – 6 เดือน แล้วแต่การดูแลตัวเองของแต่ละคน
เตรียมตัวอย่างไรก่อนฉีดโบท็อกซ์ (Botox) ที่คลินิกเสริมความงาม
- เข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ประจำคลินิกเสริมความงามที่เข้ารับบริการเพื่อประเมินว่าปัญหาของเราต้องฉีดโบท็อกซ์ (Botox) หรือไม่ เป็นไปเพื่อการลดริ้วรอย ลดกราม หรือยกกระชับหน้า
- หากจำเป็นต้องฉีดโบท็อกซ์ (Botox) ให้แจ้งแพทย์ประจำคลินิกเสริมความงามเรื่องปัญหาสุขภาพต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาการแพ้ โรคประจำตัว เพื่อแพทย์ประจำคลินิกเสริมความงามจะได้ประเมินว่าสามารถฉีดโบท็อกซ์ (Botox) ได้หรือไม่
- งดใช้ยา อาหารเสริม หรือสมุนไพรที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน มัลติวิตามิน น้ำมันปลา Omega 3 หรือ Evening Primrose อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- งดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- สามารถแต่งหน้าเข้ารับบริการได้ แต่ทางที่ดีควรล้างเครื่องสำอางออกก่อน
การดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกซ์ (Botox)
- ห้ามนอนราบหรือก้มหน้าเป็นเวลา 4 ชั่วโมง
- อย่าแตะ นวด กด บริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์ (Botox)
- งดการออกกำลังกายอย่างหนัก
- หลีกเลี่ยงสถานที่ร้อน เช่น ซาวน่า การรับประทานหรือปรุงอาหารหน้าเตา การอยู่กลางแดดเป็นเวลานานๆ ฯลฯ
- ให้ขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด 1 – 2 ชั่วโมง เพื่อที่ตัวยาจะกระจายตัวได้ดีขึ้น
- หากมีอาการบวมแดงหรือช้ำ สามารถประคบน้ำแข็งได้
- ปฏิบัติตามคำแนะนำอื่นๆ ของแพทย์ประจำคลินิกเสริมความงามอย่างเคร่งครัด
- ถ้ามีอาการผิดปกติ เช่น บวมช้ำมากกว่าปกติ มีอาการปวด แสบ ร้อน ให้รีบมาพบแพทย์ที่คลินิกเสริมความงามที่เข้ารับบริการ
หากต้องการเข้ารับคำปรึกษาเรื่องการฉีดโบท็อกซ์ (Botox) โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สามารถติดต่อสอบถามทาง KeThat Clinic ได้ทางช่องทางต่อไปนี้
Facebook : https://www.facebook.com/kethatclinic
Website: https://kethat.com/price-promotion/
LINE: @kethat (มี @ นำหน้า)