การฉีดฟิลเลอร์ปากได้รับความนิยมอย่างสูงและมีให้บริการเกือบทุกคลินิกเสริมความงาม เพราะทำได้ง่าย เห็นผลลัพธ์ไว และราคาไม่สูงจนเกินไป การฉีดฟิลเลอร์ปากจะช่วยให้ปากอิ่ม ปรับรูปปากให้เป็นไปตามต้องการได้โดยไม่เจ็บปวดหรือพักฟื้นนานเท่าการผ่าตัดทำปากกระจับ แต่หลายคนก็ยังกังวลกับเรื่องอาการปากบวมหลังจากฉีดฟิลเลอร์ว่าเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ และจะมีผลต่อปากและรูปปากมากน้อยแค่ไหน
ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์ คือ การฉีดสารเติมเต็มซึ่งมีส่วนผสมหลักได้แก่ ไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) เข้าไปใต้ผิวบริเวณที่ต้องการเติมเต็ม เช่น ริมฝีปาก ใต้ตา แก้ม ขมับ ฯลฯ เพื่อให้ผิวบริเวณดังกล่าวอิ่มและเต่งตึงขึ้น ซึ่งนิยมใช้ในการปรับรูปหน้า ลดริ้วรอยบางบริเวณ และช่วยให้ผิวอิ่มเต็มมากยิ่งขึ้น
การฉีดฟิลเลอร์ปากดีอย่างไร
การฉีดฟิลเลอร์ปาก นิยมใช้เพื่อทำให้ริมฝีปากอิ่มเต็ม ได้รูปสวย ดูมีเสน่ห์และเข้ากับใบหน้า ช่วยให้ใบหน้าดูละมุนขึ้น นอกจากนี้การฉีดฟิลเลอร์ปากยังทำเพื่อการปรับรูปปากโดยไม่ต้องผ่าตัดอีกด้วย
ฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วปากบวมจริงหรือ
การฉีดฟิลเลอร์นั้น ไม่ว่าจะเป็นในบริเวณใดก็มีโอกาสบวมได้ทั้งสิ้น เพราะตัวฟิลเลอร์มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนิก แอซิดซึ่งอุ้มน้ำได้ จึงทำให้บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์จะดูบวมขึ้น แต่ไม่ใช่อาการบวมที่ร้ายแรงน่ากลัวแต่อย่างใด เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 1 – 3 วัน ฟิลเลอร์ก็จะค่อยๆ กลืนเข้ากับชั้นผิว แล้วอาการบวมก็จะลดลง เหลือไว้เพียงรูปปากที่ฉีดฟิลเลอร์เข้าไป ซึ่งจะดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นภายใน 1 – 2 สัปดาห์
สาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้ริมฝีปากบวมหลังจากฉีดฟิลเลอร์
นอกจากอาการบวมที่เกิดจากสารไฮยาลูรอนิก แอซิดแล้ว ปากที่ฉีดฟิลเลอร์ยังอาจบวมได้ด้วยสาเหตุต่อไปนี้
- บวมเพราะรอยเข็ม ทั้งจากการฉีดยาชา และการฉีดฟิลเลอร์ เนื่องจากชั้นผิวได้รับบาดเจ็บ จึงจะมีอาการบวมเล็กน้อยตามกระบวนการซ่อมแซมเซลล์ผิวของร่างกาย แต่ใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็จะดีขึ้น และค่อยๆ หายเป็นปกติในเวลาไม่นาน
- บวมเพราะเข็มฟิลเลอร์ฉีดโดนเส้นเลือดฝอย เพราะการฉีดฟิลเลอร์จำเป็นต้องจิ้มเข็มเข้าไปในบริเวณที่ต้องการฉีดจึงอาจถูกเส้นเลือดฝอยได้บ้าง ซึ่งจะทำให้เกิดอาการช้ำ แต่เป็นไม่นานนัก ราวๆ 1 สัปดาห์ก็จะหายเป็นปกติ
อาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์ปากแบบใดที่ควรไปพบแพทย์
แม้ว่าอาการบวมเป็นผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยหลังจากการฉีดฟิลเลอร์ และมักจะหายได้เองเมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน แต่ก็มีบางอาการที่ควรเฝ้าระวัง และหากพบว่ามีอาการเหล่านี้ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ประจำคลินิกเสริมความงามที่คุณเข้ารับบริการทันที
– มีอาการบวมมากจนเจ็บปวดรุนแรง แสบ ร้อน แตะหรือกดจะรู้สึกเจ็บ และเป็นต่อเนื่องหลายสัปดาห์
– อาการบวมดังกล่าวบีบแล้วมีหนองไหลออกมา
– มีอาการบวมร่วมกับอาการอื่นๆ เช่น ผิวบริเวณที่ฉีดมีสีเข้มขึ้น เป็นสีคล้ำ หรือม่วงคล้ำ
– มีอาการบวมบริเวณอื่นร่วมด้วยนอกจากบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์
อาการเหล่านี้ค่อนข้างอันตราย ควรรีบปรึกษาแพทย์ประจำคลินิกเสริมความงามที่เข้ารับบริการเพื่อตรวจรักษาทันที
หากต้องการเข้ารับคำปรึกษาเพื่อฉีดฟิลเลอร์โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สามารถติดต่อสอบถามทาง KeThat Clinic ได้ทางช่องทางต่อไปนี้
Facebook: https://www.facebook.com/kethatclinic
Website: https://kethat.com/price-promotion/
LINE: @kethat (มี @ นำหน้า)