สิ่งหนึ่งที่ทำให้ใบหน้าของเราดูโทรม ดูเหนื่อยล้าc]tอ่อนเพลีย มาจากการที่บริเวณใต้ตาดูคล้ำไม่สดใส ซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการอดนอน นอนดึก หรือแม้แต่อาการของโรคภูมิแพ้ วิธีในการรักษารอยคล้ำรอบดวงตานั้นมีอยู่มากมาย ตั้งแต่การใช้แตงกวา ถุงชา ช้อนโลหะ ใช้ครีมรอบดวงตา และการทำฟิลเลอร์ใต้ตา หรือ Eyes Filler ซึ่งเป็นตัวเลือกที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดที่แพทย์ผิวหนังแนะนำ เพื่อยกกระชับ กระจายแสงเงา ช่วยเพิ่มความสว่างรอบดวงตา และขจัดสัญญาณของความเหนื่อยล้าได้
อะไรที่ทำให้เกิดรอยคล้ำใต้ดวงตา ?
รอยคล้ำใต้ดวงตาเป็นคำทั่วไปที่ใช้อธิบายปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับสภาพรอบดวงตาของคนๆนั้น เช่น คนที่มีผิวบาง ซีด หรือมีแผ่นไขมันที่บางกว่าใต้บริเวณดวงตา ก็อาจทำให้รอบดวงตาดูคล้ำและเป็นโพรงได้ หรือในคนผิวขาวที่มีเมลานินน้อย ก็จะทำให้เห็นเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังที่ชัดมากกว่าคนทั่วไปทำให้มีแนวโน้มที่ผิวจะคล้ำขึ้น รวมถึงผิวหนังที่หย่อนคล้อยหรือถุงไขมันก็อาจทำให้เกิดเงาคล้ำได้เช่นกัน คนที่อายุมากขึ้นก็จะมีรอยคล้ำที่เกิดจากโพรงใต้ดวงตาตามธรรมชาติเนื่องจากสูญเสียคอลลาเจนไป นอกจากนี้ความหมองคล้ำยังสามารถเกิดจากปัจจัยอื่นๆ อีก ได้แก่ แสงแดด, โรคภูมิแพ้, ภาวะขาดน้ำ หรือการอดนอน ฟิลเลอร์ใต้ตาเพื่อแก้ปัญหารอยคล้ำจึงอาจเป็นวิธีที่ดีในการแก้ปัญหาใต้ตาได้
ฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะกับใครบ้าง ?
เคธัส คลินิก เข้าใจดีว่าหลายคนมีใบหน้าที่ดูเหนื่อยล้าเพราะมีรอยคล้ำลึกรอบดวงตา การเลือกฉีดฟิลเลอร์จึงเป็นทางออกที่ให้ผลดีในการช่วยลดรอยคล้ำและลดถุงใต้ดวงตาได้ แต่สิ่งแรกที่ควรทราบคือหากรอยคล้ำนั้นเกิดจากปัญหาเรื่องเม็ดสีของผิว ฟิลเลอร์จะไม่สามารถช่วยลบรอยคล้ำให้หายไปได้ แต่หากว่ารอยคล้ำลึกเกิดจากปัญหาเรื่องอายุที่เพิ่มขึ้น การฉีดฟิลเลอร์ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเลยทีเดียว เนื่องจากไขมันบนใบหน้าจะลดลงเมื่ออายุมากขึ้น ทำให้บริเวณใต้ตาจะมีลักษณะเป็นเบ้าลึกลงไป การเติมร่องลึกด้วยฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยใต้ตา ผิวหย่อนคล้อย ขอบตาดำ คนที่มีปัญหากระดูกบริเวณใต้ตายุบตัวลงจากอายุที่มากขึ้น คนที่มีปัญหาใต้ตาจากลักษณะทางพันธุกรรมและรูปร่างตามธรรมชาติของใบหน้า
ฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่ได้นานแค่ไหน ?
HA หรือกรดไฮยาลูโรนิก ที่แพทย์ส่วนใหญ่ใช้สำหรับแก้ปัญหาใต้ดวงตานั้น ส่วนใหญ่สามารถอยู่ได้นานถึงหนึ่งปี โดยฟิลเลอร์จะเข้าไปช่วยยกบริเวณใต้ดวงตาเป็นการปรับผิวใต้ดวงตาให้เรียบ ลดเงาที่ก่อให้เกิดความหมองคล้ำ ฟิลเลอร์จะเป็นเสมือนเบาะรองระหว่างหลอดเลือด และผิวหนัง การเลือกฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างเคธัส คลินิก และคลินิกฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐานนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งในการรักษา เนื่องจากรอบดวงตาเป็นบริเวณที่ละเอียดอ่อนและบอบบาง
การเตรียมตัวก่อนทำฟิลเลอร์ใต้ตา
ในช่วง 2 วันก่อนจะเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันลิ่มเลือดต่างๆ เพื่อป้องกันเลือดออกระหว่างฉีด และจะช่วยให้การเติมฟิลเลอร์ใต้ตานั้นเจ็บปวดน้อยที่สุด หลังจากการประเมินแผนการรักษาอย่างละเอียดแล้ว แพทย์จะเริ่มจากการทำความสะอาดผิวหน้า และใช้เข็มปลายทู่ค่อยๆฉีดฟิลเลอร์กระจายเข้าไปที่ร่องใต้ตา การใช้เข็มปลายทู่ก็เพื่อลดอาการช้ำ และโอกาสเส้นเลือดอุดตันเส้นเลือด โดยใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที หลังจากฉีดเสร็จแล้วก็สามารถนวดเบาๆ เพื่อให้บริเวณนั้นเรียบเนียนขึ้นได้
การดูแลหลังทำฟิลเลอร์ใต้ตา
ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ เป็นเวลา 24 ชั่วโมง และพักผ่อนให้เพียงพอ สำหรับผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดคือรอยฟกช้ำ บวม และรู้สึกไม่ค่อยสบายในบริเวณที่ฉีด แนะนำให้นวดเบาๆ ประคบน้ำแข็งบริเวณใต้ตา นอนหงาย รวมทั้งหลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มเพื่อป้องกันอาการบวมที่จะเกินขึ้น ฟิลเลอร์จะคงอยู่ประมาณ 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับการดูดซึมของผิวหนัง ซึ่งผู้รับบริการสามารถเติมฟิลเลอร์เพิ่มเติมได้อีกหากยังไม่พอใจกับผลลัพธ์ แต่ทั้งนี้ควรปรึกษากับแพทย์เพื่อให้คำแนะนำก่อนการฉีดเติมด้วย ซึ่งนอกจากการรักษาใต้ดวงตาคล้ำด้วยการฉีดฟิลเลอร์แล้ว การดูแลผิว และเลเซอร์ก็สามารถช่วยจัดการกับรอยคล้ำใต้ดวงตาได้เช่นกัน
การทำฟิลเลอร์ใต้ตานั้นเป็นวิธีที่แก้ปัญหารอยคล้ำและถุงบริเวณใต้ดวงตาได้เป็นอย่างดี และเป็นวิธีที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางถึงความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ได้ แต่ทั้งนี้ก็ควรใส่ใจกับการเลือกประเภทของฟิลเลอร์ด้วย เนื่องจากฟิลเลอร์มีหลายประเภท ซึ่งจะแตกต่างไปตามการใช้งาน ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ จึงควรปรึกษาแพทย์หรือผู้ประกอบวิชาชีพที่มีทักษะเพื่อให้เหมาะกับการแก้ปัญหาบนใบหน้าได้มากที่สุด สำหรับใครที่ยังไม่แน่ใจว่าจะแก้ปัญหารอยคล้ำใต้ตาด้วยวิธีไหนดี เคธัส คลินิก ก็พร้อมและยินดีให้คำแนะนำเสมอ
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก :
https://www.instyle.com/beauty/under-eye-injections-dark-circles