รอยแผลเป็นจากสิวเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน และมักจะก่อให้เกิดปัญหาด้านความงามตามมา ซึ่งในปัจจุบันก็มีตัวเลือกในการรักษารอยดำและรอยแผลเป็นจากสิวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการกรอผิว การลอกหน้าผลัดเซลล์ผิว หรือการทำฟิลเลอร์ แต่นอกจากนี้แล้วยังมีเทคโนโลยีเลเซอร์ที่สามารถใช้ในการรักษารอยแผลเป็นจากสิวได้ดีอย่างมาก

การรักษารอยแผลเป็นจากสิวด้วย Laser นั้น มีจุดมุ่งหมายเพื่อลดรอยแผลเป็นจากการเกิดสิว เนื่องจาก 95% ของผู้ที่เป็นสิว มักจะมีรอยแผลเป็นหลงเหลืออยู่บ้าง จึงต้องสลายเนื้อเยื่อแผลเป็นที่ชั้นบนของผิว การรักษานั้นจะกระตุ้นให้เซลล์ผิวใหม่แข็งแรงและเจริญเติบโตเพื่อมาแทนที่เนื้อเยื่อแผลเป็น โดยแพทย์ผิวหนังเท่านั้นที่จะสามารถบอกได้ว่าการรักษารอยแผลเป็นจากสิวด้วยเลเซอร์แบบไหนที่จะเป็นวิธีที่เหมาะสมกับแต่ละคนที่สุด

ประเภทของเลเซอร์สิวที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยมีดังนี้:

  1. CO2 Laser

CO2 Laser เป็นหนึ่งในการทำเลเซอร์สิวเพื่อรักษารอยแผลเป็นจากสิว จุดด่างดำ และหลุมสิว ให้ผิวเรียบเนียนและกระจ่างใสขึ้น หลักการทำงานคือใช้การปล่อยลำแสงจุดเล็กๆ ลงไปใต้ผิวหนังเพื่อทำให้เกิดรูขนาดเล็กในชั้นลึกของผิวหนัง โดยกระบวนการนี้จะนำไปสู่การสร้างคอลลาเจนใหม่เพื่อขจัดรอยแผลเป็นจากสิว ซึ่งรอยแผลเป็นจากสิวนั้นจะดีขึ้นภายในหนึ่งสัปดาห์หลังการรักษา และจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องนานถึงหกเดือนหลังการรักษาครั้งแรก ข้อดีของวิธีนี้ก็คือเห็นผลเร็ว และปลอดภัยมากสำหรับสภาพผิวส่วนใหญ่ แต่จะใช้เวลาพักฟื้นนาน ซึ่งโดยปกติแล้วจะประมาณสองสัปดาห์ และจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อยขณะรับบริการ

  1. Brightening Laser

Brightening Laser คือการทำเลเซอร์หน้าใส ที่ช่วยลดความหมองคล้ำและรักษารอยแผลเป็นจากสิว ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ รวมถึงรักษาฝ้าและรอยดำจากบริเวณต่างๆ ของร่างกายได้อีกด้วย โดยการรักษาด้วยเลเซอร์นั้นจะใช้แสงพลังงานสูงในการฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสียหายซึ่งเป็นสาเหตุของผิวคล้ำเสีย ซึ่งกระบวนการนี้ไม่เพียงแต่จะขจัดเซลล์ที่ผิดปกติดท่านั้น แต่ยังช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์ผิวใหม่รวมทั้งเผยความสดใสของผิวด้วย ดังนั้นวิธีนี้จึงเป็นวิธีที่ดีสำหรับคนที่มีสีผิวไม่สม่ำเสมอ ทั้งยังสามารถเห็นผลลัพธ์ผิวขาวกระจ่างใสขึ้นหลังเข้ารับการรักษาเพียง 1-2 ครั้ง

  1. Antidark Spot Laser

Antidark Spot Laser เป็นวิธีเลเซอร์สิวที่มีประสิทธิภาพในการจัดการกับจุดด่างดำและรอยดำจากสิวโดยเฉพาะ การรักษาด้วยเลเซอร์วิธีนี้จะใช้ลำแสงเน้นไปยังบริเวณที่เป็นปัญหาเพื่อขจัดอนุภาคของเม็ดสีออกจากผิวหนัง ทั้งนี้ก็จะขึ้นอยู่กับขนาดของจุดด่างดำและบริเวณของร่างกายที่ทำการรักษาด้วย โดยอาจจะต้องทำการรักษาประมาณ 4-6 ครั้งเพื่อกำจัดจุดด่างดำออกให้หมด วิธีนี้เป็นอีกวิธีที่นิยมเพราะปลอดภัย และไม่เจ็บตัวด้วย

  1. IPL

IPL คือเลเซอร์สิวที่รักษาผิวหน้าให้เนียนใสด้วยการใช้เทคโนโลยีให้กำเนิดพลังงานแสงที่มีความเข้มข้นสูง ซึ่งเมื่อผิวหนังได้รับความร้อน ร่างกายจะกำจัดเซลล์ที่ไม่ต้องการออกไป จะแตกต่างจากเลเซอร์วิธีอื่นๆ ตรงที่ อุปกรณ์ IPL จะส่งคลื่นแสงเป็นจังหวะมากกว่าหนึ่งช่วงคลื่น และกระจายตัวเป็นวงกว้างได้มากกว่าการทำเลเซอร์วิธีอื่นๆ ทำให้รักษาปัญหาสภาพผิวหลายๆ อย่างได้พร้อมกัน ทั้งรอยแดง รอยดำ รอยคล้ำ และรอยแผลเป็นจากสิว รวมถึงปัญหากระตื้น รอยแตกลาย และริ้วรอยตื้นๆ ได้อีกด้วย หลังเข้ารับบริการจะเห็นผลเรื่องผิวขาวกระจ่างใสขึ้น สีผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอ และแก้ปัญหาร่องรอยจากสิวต่างๆ ได้ ทั้งยังช่วยฟื้นฟูสภาพผิว รอยดำที่เกิดจากแสงแดด กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ผิวหนังให้ผิวดูใสและสุขภาพดีขึ้น ข้อดีของการทำ IPL คือไม่ทำร้ายเนื้อเยื่ออื่นๆ การรักษาจึงเห็นผลดีขึ้นอย่างรวดเร็ว และหากเป็นคนที่มีผิวขาวหรือสีน้ำตาลอ่อนก็จะยิ่งเห็นผลลัพธ์ได้ดียิ่งขึ้น

  1. Pico Laser

Pico Laser เป็นเทคโนโลยีการทำเลเซอร์สิวที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วในอุตสาหกรรมความงาม และเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ KeThat Clinic ใช้รักษาผิวหนังด้วยการทำ Laser แบบไม่ต้องผ่าตัด สามารถใช้เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สมบูรณ์ของผิวทั่วไป ปัญหาผิวจากแสงแดด รอยแผลเป็น รอยแดงจากสิว รวมถึงความไม่เรียบเนียนและริ้วรอยก่อนวัยได้ สามารถรักษาฝ้า และกระแดดได้ดีทั้งการยิงแบบธรรมดาและการยิงแบบตกสะเก็ด นอกจากนั้น Pico Laser สามารถลบรอยสักได้ดีอีกด้วย วิธีการทำงานคือตัวเลเซอร์จะส่งพลังงานสั้นๆ ที่ไม่มีความร้อนไปยังบริเวณผิวที่มีปัญหา เพื่อเข้าไปทำลายเม็ดสีหรืออนุภาคของผิวที่มีปัญหานั้น และถึงแม้ว่าพลังงานจะมีความเข้มข้นสูง แต่ผลของเลเซอร์ก็อ่อนโยนต่อผิวชั้นนอก จึงไม่ทำให้ผิวไหม้ Pico Laser เป็นเทคโนโลยีการรักษาด้วยเลเซอร์ที่ทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและถาวร ทั้งยังปลอดภัยอีกด้วย

การรักษารอยสิว หรือหลุมสิวนั้น มีวิธีในการรักษาด้วยเลเซอร์ที่ดีและเห็นผลหลายวิธีด้วยกันดังที่กล่าวไปข้างต้น ซึ่งทุกวิธีเป็นวิธีที่ปลอดภัยและเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน มีความเสี่ยงและผลข้างเคียงน้อย ซึ่งผลข้างเคียงจะแตกต่างกันไปตามชนิดของเลเซอร์ที่ใช้ ประเภทผิว และจำนวนครั้งในการรักษา ซึ่งผลข้างเคียงโดยทั่วไปที่พบ ได้แก่ บวม แดง ปวดบริเวณที่ทำการรักษา ซึ่งความเจ็บปวดจากการรักษารอยแผลเป็นจากสิวด้วยเลเซอร์มักจะหายไปหลังจากผ่านไปหนึ่งหรือสองชั่วโมง ส่วนรอยแดงอาจใช้เวลาประมาณ 10 วัน ซึ่งการจะเลือกว่าปัญหาผิวที่เป็นอยู่นั้นจะเหมาะกับทำการรักษาด้วยเลเซอร์สิวในวิธีไหนนั้น แนะนำให้ปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและคลินิกที่ได้มาตรฐาน ซึ่ง KeThat Clinic เองยินดีที่จะให้คำแนะนำเพื่อให้การรักษาเกิดประสิทธิภาพมาก ได้คุณภาพและปลอดภัยมากที่สุด

อ้างอิงที่มาบางส่วนจาก :

https://www.schweigerderm.com/skin-care-articles/acne/laser-treatments-acne-scars/

https://www.webmd.com/beauty/intense-pulsed-light-treatment-overview

https://www.healthline.com/health/beauty-skin-care/laser-treatment-for-acne-scars