ปัญหาร่องตาลึก เป็นปัญหาที่ทำให้หลายคนกลุ้มใจ โดยเฉพาะเมื่อเราอายุมากขึ้น รอยลึกใต้ตายิ่งมากขึ้น ซึ่งทำให้ใบหน้าดูมีอายุ ไม่สดชื่นสดใส ดูโทรม และเสียบุคลิกภาพ เมื่อเป็นเช่นนั้นการทำให้ร่องใต้ตาตื้นขึ้นก็เป็นหนึ่งในหนทางการแก้ปัญหา และทางเลือกในการแก้ปัญหาร่องตาลึกที่ง่าย ได้ผลลัพธ์รวดเร็วก็คือการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ปัญหาร่องตาลึก เกิดจากอะไร
ปัญหาร่องตาลึกเกิดได้จากหลายสาเหตุในลักษณะที่แตกต่างกัน โดยมากมักเกิดจากสาเหตุดังต่อไปนี้
- กรรมพันธุ์ สาเหตุนี้มักจะมาจากรูปกะโหลกศีรษะซึ่งส่งผลต่อโครงหน้า โดยอาจมาจากลักษณะโครงสร้างกะโหลกส่วนเบ้าตามีความลึกมาก จึงเกิดปัญหาร่องตาลึกได้แม้อายุจะยังไม่มากก็ตาม
- อายุ เป็นอีกหนึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหาร่องตาลึก เพราะเมื่ออายุมากขึ้นแล้ว ผิวหนังก็จะเริ่มหย่อนคล้อย ไขมันใต้ตาและบริเวณแก้มจะฝ่อตัว ส่งผลทำให้ร่องตาดูลึกขึ้นกว่าตอนหนุ่มๆ สาวๆ
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แก้ปัญหาร่องตาลึกได้จริงหรือ?
การแก้ปัญหาร่องตาลึกทำได้หลายวิธี และหนึ่งในวิธีที่ได้ผลรวดเร็ว ทันตา ให้ผลลัพธ์ที่ดีก็คือ “การฉีดฟิลเลอร์”
การฉีดฟิลเลอร์เป็นการฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) เข้าไปในผิวหนังบริเวณใต้ตา เพื่อเติมเต็มให้ผิวใต้ตากลับมาเต่งตึง ซึ่งจะช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลง ช่วยแก้ปัญหาร่องตาลึกอย่างได้ผล และเห็นผลทันทีที่ฉีด อีกทั้งยังสะดวก ปลอดภัย
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเพื่อแก้ปัญหาร่องตาลึก
- ได้ผลดี ค่อนข้างปลอดภัย
- ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น
- คงอยู่ได้นาน 4 – 18 เดือน ก่อนจะสลายไปเองตามธรรมชาติ
- ช่วยเติมเต็มใต้ตาอย่างได้ผล
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- เข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ประจำคลินิกเสริมความงาม เพื่อประเมินปัญหาร่องลึกใต้ตาว่าควรแก้ไขด้วยวิธีใดจึงจะได้ผลที่สุด
- หลังจากแพทย์ประเมินแล้ว หากต้องการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถทำได้ทันที โดยอันดับแรก ต้องล้างเครื่องสำอางบนใบหน้าให้หมดจนใบหน้าสะอาด
- แพทย์จะทำการมาร์กจุดเพื่อกำหนดจุดฉีดฟิลเลอร์บริเวณใต้ตา จากนั้นจะทายาชาเพื่อให้เวลาฉีดฟิลเลอร์ผู้รับบริการจะได้ไม่รู้สึกเจ็บปวด
- รอประมาณ 2 – 3 นาทีเพื่อให้ยาชาออกฤทธิ์ แล้วแพทย์จะฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาในปริมาณที่กำหนดไว้
- เมื่อฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเสร็จเรียบร้อยแล้ว สามารถกลับบ้านได้ทันที
ดูแลตัวเองอย่างไรหลังจากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้ว ผู้รับบริการสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติทันที แต่ก็ยังมีข้อปฏิบัติตัวที่ควรทำหลังจากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ทั้งเพื่อให้ฟิลเลอร์คงอยู่ได้นานที่สุด และลดการเกิดปัญหาแทรกซ้อนอื่นๆ ดังนี้
- หลังจากฉีด 2 – 3 วัน บางรายที่มีอาการปวด บวม บริเวณจุดที่ฉีดฟิลเลอร์ สามารถประคบน้ำเย็น หรือกินยาแก้ปวดหรือยาลดบวมได้
- ยังไม่ควรขยับเคลื่อนไหวใบหน้ามาก โดยอย่าเพิ่งแสดงอารมณ์หรือสีหน้าที่ทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนตัวมากๆ เช่น การหยีตา การทำหน้านิ่วคิ้วขมวด อ้าปากกว้างๆ ฯลฯ ประมาณ 2 – 3 วันหลังฉีด
- อย่าเพิ่งสัมผัสความร้อนในอุณหภูมิที่สูงจัด เช่น ทำอาหารหน้าเตาไฟ ทำเลเซอร์หน้า เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์ละลาย อย่างน้อยเป็นเวลา 1 เดือน
- งดหรือหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ข้อควรระวังในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
แม้การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะมีผลข้างเคียงน้อย แทบไม่ต้องพักฟื้น แต่การเลือกคลินิกเสริมความงามเพื่อฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาก็เป็นสิ่งสำคัญ ควรเลือกคลินิกเสริมความงามที่น่าเชื่อถือ และต้องฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เนื่องจากบริเวณที่ฉีดนั้นใกล้กับบริเวณบอบบางอย่างดวงตา จึงต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและความระมัดระวัง
หากสนใจฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับ KeThat Clinic สามารถติดตามโปรโมชั่นหรือติดต่อสอบถามได้ทางช่องทางดังต่อไปนี้
Facebook: https://www.facebook.com/kethatclinic
Website: https://kethat.com/price-promotion/
LINE: @kethat (มี @ นำหน้า)