คลินิกเสริมความงามในปัจจุบันมีมากมายหลายแห่ง แต่ก็ยังมีข่าวแพทย์ปลอม คลินิกเสริมความงามใช้ผลิตภัณฑ์ไม่ได้มาตรฐาน ผู้รับบริการไปฉีดฟิลเลอร์ เสริมจมูกแล้วมีปัญหา ยกกระชับใบหน้าได้ผลลัพธ์ไม่ถูกใจ ฯลฯ ดังนั้นการเลือกคลินิกเสริมความงามจึงเป็นเรื่องต้องใส่ใจและระมัดระวังอย่างยิ่ง
KeThat Clinic ขอแชร์วิธีเลือกคลินิกเสริมความงามดังต่อไปนี้
1. ควรเป็นคลินิกเสริมความงามที่สามารถเดินทางไปได้สะดวก
เพราะการทำเสริมความงามนั้นบางเคสจำเป็นต้องทำอย่างต่อเนื่อง เช่น การยกกระชับใบหน้าด้วย HIFU ที่อาจต้องทำ 2 – 3 ครั้งหรือมากกว่านั้นเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้น การฉีดฟิลเลอร์แท้ที่ไม่อยู่คงทนถาวร ต้องไปฉีดซ้ำเมื่อครบ 6 – 12 เดือน การฉีดโบท็อกซ์ที่จำเป็นต้องไปฉีดซ้ำ หรือความต้องการเข้ารับบริการต่างๆ ในคลินิกเสริมความงามด้วยหลากหลายผลิตภัณฑ์หลายครั้งติดต่อกัน หรือกระทั่งเมื่อมีปัญหาหลังทำ และจำเป็นต้องรีบมาพบแพทย์ การเดินทางไปคลินิกเสริมความงามได้อย่างสะดวกรวดเร็วจึงช่วยลดภาระด้านเวลาได้มาก
2. แพทย์ประจำคลินิกเสริมความงามผู้ทำหัตถการต้องมีใบประกอบวิชาชีพอย่างถูกต้อง
คลินิกเสริมความงามที่คุณเข้ารับบริการต้องสามารถเปิดเผยชื่อแพทย์และเลขที่ใบรับรองได้ ไม่ว่าจะเป็นการติดประกาศภายในคลินิกเสริมความงามเอง หรือทางช่องทางโซเชียลอื่นๆ
สามารถเช็กความถูกต้องได้ว่าแพทย์ท่านนั้นเป็นแพทย์จริงหรือไม่จากเว็บไซต์ของแพทย์สภา https://tmc.or.th/ นอกจากนี้รูปภาพของแพทย์กับแพทย์ในคลินิกเสริมความงามที่ให้บริการต้องตรงกันด้วย
3. คลินิกเสริมความงามมีเลขที่ใบอนุญาตอย่างถูกต้อง
คลินิกเสริมความงามที่ได้มาตรฐานต้องมีการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจะช่วยให้ผู้เข้ารับบริการสบายใจมากขึ้นว่าสามารถตรวจสอบได้ มีมาตรฐาน และน่าเชื่อถือ
4. ใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้ในราคาที่สมเหตุสมผล
หลายคนชอบของราคาถูก แต่ผลิตภัณฑ์ที่ให้บริการในคลินิกเสริมความงามอย่างโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ ซึ่งเป็นของแท้นั้นมีต้นทุนที่ใกล้เคียงกัน ดังนั้นราคาที่ให้บริการในคลินิกเสริมความงามจึงควรสมเหตุสมผล ไม่ถูกเกินไปและไม่แพงเกินไป ที่สำคัญคือทางคลินิกต้องอนุญาตให้เช็กกล่อง เช็กบาร์โค้ด เช็ก อย. ได้ เพื่อความโปร่งใสว่าไม่หลอกใช้ของปลอม
5. ภายในคลินิกเสริมความงามสะอาดสะอ้าน น่าเข้ารับบริการ
ความสะอาดนั้นเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเมื่อเข้ารับบริการแล้วจะได้ไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ โดยเฉพาะอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ต้องสะอาดและเปลี่ยนใหม่เสมอ แสดงถึงความใส่ใจของคลินิกเสริมความงามที่ให้บริการ
6. มีนวัตกรรมและอุปกรณ์ทันสมัยที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ
นวัตกรรมเสริมความงามมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นคลินิกเสริมความงามที่ได้มาตรฐานจึงมักหาซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ใหม่ๆ มาให้บริการเสมอ เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด รวมถึงการที่แพทย์ประจำคลินิกเสริมความงามนั้นๆ เข้าศึกษาหรืออบรมเพิ่มเติมเพื่อหาเทคนิคใหม่ๆ ที่ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
ที่สำคัญคือคุณต้องตรวจสอบว่าคลินิกเสริมความงามที่คุณสนใจมีบริการที่ต้องการหรือไม่ เช่น การยกกระชับใบหน้า การฉีดฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ หรือมีฟิลเลอร์โบท็อกซ์ยี่ห้อที่ต้องการหรือไม่ เครื่องมือใช้เครื่องอะไร เป็นต้น
7. ต้องมีความจริงใจต่อผู้เข้ารับบริการ ไม่ยัดเยียดขายคอร์ส
หลายคนไม่กล้าเข้าคลินิกเสริมความงามเพราะเคยถูกยัดเยียดขายคอร์สอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับบริการที่เข้ารับ ดังนั้นคลินิกเสริมความงามที่ดีต้องให้บริการอย่างจริงใจ ไม่ทำให้ผู้เข้ารับบริการอึดอัด เต็มใจให้คำปรึกษา สิ่งไหนทำได้ สิ่งไหนทำไม่ได้ ให้ผลลัพธ์จริงมากน้อยแค่ไหน และควรเป็นคลินิกเสริมความงามที่ให้บริการรับคำปรึกษาฟรี เพื่อที่คุณจะได้ลองพูดคุยกับแพทย์ดูว่าตอบโจทย์ความต้องการหรือไม่ ถ้าหากถูกใจค่อยเข้ารับบริการได้อย่างสบายใจ
8. อย่าลืมสำรวจรีวิวและผลลัพธ์จากผู้เข้ารับบริการจริง
สิ่งหนึ่งที่ช่วยสร้างความมั่นใจได้ก็คือ รีวิวจากลูกค้าที่เคยเข้ารับบริการมาก่อน ยิ่งถ้าคลินิกเสริมความงามดังกล่าวมีลูกค้าประจำที่เข้ารับบริการบ่อยๆ ยิ่งยืนยันได้ว่าให้บริการดี สร้างผลลัพธ์ที่น่าพอใจ แต่ควรอ่านรีวิวให้หลากหลายเพื่อจะได้เห็นในหลายแง่มุมของคลินิกเสริมความงามแห่งนั้นๆ ว่าให้บริการตรงใจคุณหรือไม่
เพียงเท่านี้คุณก็สามารถเลือกคลินิกเสริมความงามเพื่อเข้ารับบริการได้อย่างสบายใจ
หากต้องการเข้ารับคำปรึกษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในคลินิกเสริมความงามที่ได้มาตรฐาน สามารถติดต่อสอบถามทาง KeThat Clinic ได้ทางช่องทางต่อไปนี้
Facebook : https://www.facebook.com/kethatclinic
Website: https://kethat.com/price-promotion/
LINE: @kethat (มี @ นำหน้า)