การเข้าคลินิกเสริมความงามเพื่อดูแลตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการยกกระชับผิวหน้าที่หย่อนคล้อย ลดริ้วรอยต่างๆ ฟื้นฟูผิวให้มีสุขภาพดีนั้น ในปัจจุบันนับว่าเป็นเรื่องปกติ หลายคนอาจเข้าคลินิกเสริมความงามบ่อย แต่บางคนนานๆ เข้าที ทำให้มีคำถามตามมาว่า เราควรเข้าคลินิกเสริมความงามบ่อยแค่ไหนในระยะเวลา 1 ปีจึงจะเหมาะสมที่สุด ทั้งเพื่อคงผลลัพธ์ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ไม่มากไปและไม่น้อยจนเกินไป
ความจริงคำถามนี้ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน เพราะค่อนข้างเป็นเรื่องปัจเจก แต่พอจะบอกได้คร่าวๆ ว่าหัตถการแต่ละประเภทที่ให้บริการในคลินิกเสริมความงามนั้นควรทำบ่อยแค่ไหน ดังนี้
- เครื่องยกกระชับผิวต่างๆ
เทคโนโลยียกกระชับผิว เช่น Ulthera, Morpheus, Thermage และ HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) ถูกออกแบบมาเพื่อทำให้เซลล์ผิวหดตัวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวหย่อนคล้อยเต่งตึงขึ้น กระชับขึ้น ช่วยลดริ้วรอย โดยไม่ต้องผ่าตัดดึงหน้า เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อย ทั้งจากเซลล์ที่เสื่อมสภาพ และจากไขมันที่เพิ่มขึ้นตามอายุที่มากขึ้น
จำนวนครั้งที่ควรทำต่อปี
Ulthera : หลังจากทำแล้วจะเห็นผลลัพธ์การยกกระชับได้ชัดเจนภายใน 2 – 3 เดือน และคงอยู่ได้นานถึง 12 – 24 เดือน ดังนั้นสามารถทำ Ulthera ได้ปีละ 1 ครั้ง หรือ 2 ครั้ง ตามแต่ปัญหาของแต่ละบุคคล
Morpheus : เป็นอีกตัวเลือกการยกกระชับ ให้ผลลัพธ์ชัดเจนภายใน 1 – 3 เดือน และคงอยู่ได้นานถึง 6 – 12 เดือน จึงสามารถทำ Morpheus ได้ปีละ 1 – 3 ครั้ง ตามแต่ปัญหาของแต่ละบุคคล
Thermage : หลังจากทำแล้วจะเห็นผลลัพธ์การยกกระชับได้ชัดเจนภายใน 2 – 3 เดือน และคงอยู่ได้นานถึง 12 – 24 เดือนพอๆ กับ Ulthera ดังนั้นจึงสามารถทำได้ปีละ 1 – 2 ครั้งเช่นเดียวกัน
HIFU : แม้ว่าเทคโนโลยีที่ใช้จะคล้ายคลึงกับ Ulthera แต่ HIFU ให้ผลลัพธ์อยู่แค่ประมาณ 4 – 6 เดือน จึงต้องทำซ้ำบ่อยกว่า โดยจะอยู่ประมาณปีละ 3 – 4 ครั้ง
- ฟิลเลอร์ (Filler)
ฟิลเลอร์ (Filler) เป็นการฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) เข้าไปใต้ผิว ซึ่งเป็นหนึ่งในหัตถการที่ได้รับความนิยมอย่างสูงพอๆ กับโบท็อกซ์ (Botox) และเครื่องยกกระชับต่างๆ โดยปกติมักใช้แก้ปัญหาเรื่องริ้วรอยร่องลึก ปรับรูปหน้าให้ดูสมดุล เติมในส่วนที่ขาด รวมไปถึงการยกกระชับหน้าด้วย
จำนวนครั้งที่ควรทำต่อปี
โดยเฉลี่ยแล้ว ฟิลเลอร์ (Filler) จะมีอายุการใช้งานประมาณ 6 – 12 เดือน หรืออาจนานถึง 18 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ (Filler) และตำแหน่งที่ฉีด ดังนั้นจึงการฉีดฟิลเลอร์ (Filler) ปีละ 1 – 2 ครั้งก็ค่อนข้างจะเพียงพอแล้ว ยกเว้นว่าแพทย์จะประเมินเป็นอย่างอื่น
- โบท็อกซ์ (Botox)
โบท็อกซ์ (Botox) เป็นหัตถการยอดนิยมของแทบทุกคลินิกเสริมความงาม เพราะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนทันตา และไม่ต้องพักฟื้น การฉีดโบท็อกซ์ (Botox) นั้นนิยมใช้ฉีดเพื่อลดขนาดกราม ยกกระชับกรอบหน้า และลดริ้วรอยต่างๆ โดยเฉพาะบริเวณหางตาและหน้าผาก
จำนวนครั้งที่ควรทำต่อปี
โบท็อกซ์ (Botox) จะอยู่ได้นานแค่ไหนขึ้นอยู่กับยี่ห้อและบริเวณที่ฉีด โดยเฉลี่ยแล้ว ผลลัพธ์จากการฉีดโบท็อกจะเห็นผลภายใน 14 วัน และจะคงอยู่ได้ประมาณ 3 – 6 เดือน ซึ่งการฉีดโบท็อกซ์ (Botox) แต่ละครั้ง ควรฉีดห่างกันอย่างน้อย 3 เดือน และไม่ควรเว้นห่างจนเกินไปเพื่อผลลัพธ์ที่ต่อเนื่อง ดังนั้นใน 1 ปี จึงควรฉีดโบท็อกซ์อยู่ที่ประมาณ 3 – 4 ครั้ง
ส่วนหัตถการอื่นๆ เช่น เลเซอร์ต่างๆ ทรีตเมนต์ Meso Fat ฯลฯ จำนวนครั้งจะขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์
การจะเข้าคลินิกเสริมความงามบ่อยแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับปัญหาและหัตถการที่ทำ รวมถึงผลลัพธ์ที่เราต้องการร่วมกับการประเมินของแพทย์ประจำคลินิกเสริมความงามนั้นๆ ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะกับปัญหาของแต่ละบุคคล
หากต้องการเข้ารับคำปรึกษาเรื่องการแก้ปัญหาผิวด้วยวิธีต่างๆ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สามารถติดต่อสอบถามทาง KeThat Clinic ได้ทางช่องทางต่อไปนี้
Facebook : https://www.facebook.com/kethatclinic
Website: https://kethat.com/price-promotion/
LINE: @kethat (มี @ นำหน้า)